ซอฟแวร์ประยุกต์ (Application Software)

ซอฟแวร์ที่ใช้ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทำงานเฉพาะด้าน เช่น การจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนองาน การจัดทำบัญชี การตกแต่งภาพ หรือการออกแบบเว็บไซร์เป็นต้น

ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์

แบ่งตามลักษณะการผลิต จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ

1.ซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้เองโดยเฉพาะ(Proprietary Softwaer)

2.ซอฟแวร์ที่หาซื้อได้ทั่วไป(Packaged Softwaer) 

มีทั้งโปรแกรมเฉพาะ(Customized Packaged) และ โปรแกรมมาตรฐาน(Standard Packaged)

ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์

แบ่งตามกลุ่มใช้งาน จำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆดังนี้

1. กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ(Business)

2. กลุ่มการใช้งานด้านกราฟฟิกและมัลติมีเดีย(Graphic and Multimedia)

3.กลุ่มการใช้งานบนเว็บ(Web and Communications)

      กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ (Business)

  ซอฟแวร์กลุ่มนี้ ถูกนำมาใช้โดยมุ่งหวังให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การจัดพิมพ์รายงาน เอกสาร นำเสนองาน และการบันทึกนัดหมายต่างๆ ตัวอย่าง เช่น:

โปรแกรมประมวลคำ อาทิ Microsoft Word, Sun Staroffice Writer

โปรแกรมตารางคำนวณ อาทิ Microsoft Excel, Sun Staroffice Cals

โปรแกรมการเสนองาน อาทิ Microsoft PowerPoint, Sun Staroffice Impressกลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟฟิกและมัลติมีเดีย

ซอฟแวร์กลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยจัดการด้านงานกราฟฟิกและมัลติมีเดีย เพื่อให้งานง่ายขึ้น เช่น ใช้ตกแต่ง วาดรูป ปรับเสียง ตัดต่อ ภาพเคลื่อนไหว และการสร้างและการออกแบบเว็บไซร์ตัวอย่าง เช่น

โปรแกรมงานออกแบบ อาทิ Microsoft Visio Professional

โปรแกรมตกแต่งภาพ อาทิ CorelDRAW, Adobe Photoshop

โปรแกรมตัดต่อวีดีโอและเสียง อาทิ Adobe Premiere, Pinnacle Studio DV


โปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดีย อาทิ Adobe Authorware, Toolbook Instructor, Adove Director

โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ Adobe Flash, Adobe Dreamweaver

กลุ่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร



เมื่อเกิดการเติบโตของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซอฟแวร์กล่มนี้ได้ภูกพัฒนาขึ่งเพื่อใช้งานเฉราะเพิ่มมากขึ่น เช่น โปรแกรมการตรวจเช็กอีเมลการท่องเว็บไซต์ การจัดการดูแลเว็บ และการส่งข้อความติดต่อสื่อสาร การประชุมทางไกลผ่านเครือข่าย ตัวอยางโปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก้

 โปรแกรมจดการอีเมล อาทิ Microroft Outlook Mozzila hunderdird

 โปรแกรมท่องเว็บ อาทิ Microroft internet explcrer moxxila fireox

โปรแกรม ประชุมทางไกล video conference อาทิ Microroft netmeeting
โปรแกรมส่งข้อด่วนInstant Messagingอาทิ MSN Mess

ความจำเป็นของการใช้ซอร์ฟแวร์
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันที แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมากเพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยคข้อความ ภาษาในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมายบางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์บางภาษามีความเหมาะสมไว้ใช้สั่งานทางด้านการจัดข้อมูล
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟฟิกและมัลติมีเดีย

ซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยจัดการด้านงานกราฟฟิกและมัลติมีเดีย เพื่อให้งานง่ายขึ้น เช่น ใช้ตกแต่ง วาดรูป ปรับเสียง ตัดต่อ ภาพเคลื่อนไหว และการสร้างและการออกแบบเว็บไซร์ตัวอย่าง เช่น

โปรแกรมงานออกแบบ อาทิ Microsoft Visio Professional

โปรแกรมตกแต่งภาพ อาทิ CorelDRAW, Adobe Photoshop

โปรแกรมตัดต่อวีดีโอและเสียง อาทิ Adobe Premiere, Pinnacle Studio DV

โปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดีย อาทิ Adobe Authorware, Toolbook Instructor, Adove Director

โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ Adobe Flash, Adobe Dreamweaver

กลุ่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร

เมื่อเกิดจากการเติบโตของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะเพิ่มมากชึ้น เช่น โปรแกรมการตรวจเช็คอีเมลล์การท่องเว็บไซร์ การจัดการดูแลเว็บไซร์ และกาส่งข้อความติดต่อสื่อสาร การประชุมทางไกลผ่านเครือข่าย ตัวอย่างโปรแกรมกลุ่นี้ได้แก่:

โปรแกรมการจัดอีเมล อาทิ Microsoft Outlook, Mozzila Thunderbird

โปรแกรมการท่องเว็บ อาทิ Microsoft Internet Explorer, Mozzila Firefox

โปรแกรมประชุมทางไกล(Video Conference) อาทิ Microsoft Netmeeting

โปรแกรมส่งข้อความด่วน (Instant Messaging) อาทิ MSN Messenger/Windows Messenger,ICQ

โปรแกรมสนทนาบนอินเทอร์เน็ต อาทิ PIRCH , MIRCH

ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์

การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันที แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมากเพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยค ข้อความ ภาษาในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมายบางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ บางภาษามีความเหมาะสมไว้ใช้สั่งงานทางด้านการจัดการข้อมูล

ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์

เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานมนุษย์จะต้องบอกขั้นตอนวีธรการให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง

ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันแล้ว เรามีภาษาที่ใช้ในการติดต่อซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันถ้ามนุษย์ต้องการจะถ่ายทอดความต้องการให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และปฏิบัติตามจะต้องมีสื่อกลางสำหรับการติดต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับรู้เราเรียกสื่อกลางนี้ว่า ภาษาคอมพิวเตอร์

ภาษาคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุคประกอบด้วย

ภาษาเครื่อง(Machine Languages)

เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าใช้แทนด้วยตัวเลข 0 และ 1 ได้ ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ใช้ตัวเลข 0 และ 1 นี้เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ รหัสแทนข้อมูลและคำสั่งโดยใช้ระบบเลขฐานสองนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เราเรียกเลขสองฐานที่ประกอบกันเป็นชุดคำสั่งและใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ว่าภาษาเครื่อง

การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันทีแต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมาก เพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นที่เป็นตัวอักษร

ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Languages)

เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 2 ถัดจากภาษาเครื่อง ภาษาแอสเซมบลีช่วยลดความยุ่งยากลงในการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับคอมพิวเตอร์

แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบลีก็ยังมีความใกล้เคียงภาษาเครื่องอยู่มาก และจำเป็นต้องใช้ตัวแปลภาษาที่เรียกว่าแอสเซมเบลอร์(Assembler) เพื่อแปลชุดภาษาแอสเซมบลีให้ป็นภาษาเครื่อง

ภาษาระดับสูง (High-Level Languages)

เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เริ่มมีการใช้ชุดคำสั่งที่เรียกว่า Statements ที่มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเข้าใจชุดคำสั่งเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้น ผู้คนทั่วไปสามารถเรียนรู้และเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากภาษาระดับสูงใกล้เคียงภาษามนุษย์ ตัวแปลภาษาระดับสูงเพื่อให้เป็นภาษาเครื่องนั้นมีอยู่ 2 ชนิด ด้วยกัน คือ

คอมไพเลอร์ (Compiler)และ อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter)

คอมไพเลอร์ จะทำการแปลโปรแกรมที่เขียนเป็นภาษาระดับสูงทั้งโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่องก่อน แล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามภาษาเครื่องนั้น

อินเทอร์พรีเตอร์ จะทำการแปลทีละคำสั่ง แล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่งนั้น เมื่อทำเสร็จแล้วจึงมาทำการแปลคำสั่งลำดับต่อไป ข้อแตกต่างระหว่างคอมไพเลอร์กับอินเทอร์พรีเตอร์จึงอยู่ที่การแปลทั้งโปรแกรมหรือแปลทีละคำสั่ง